2. Lyft ผู้ให้บริการแอพเรียกแท็กซี่เห็นสัญญานการฟื้นตัวของธุรกิจเร็วกว่าที่คิด
Lyft คู่แข่ง Uber ในสหรัฐบอกว่าตัวเลขผู้ใช้บริการเดือน ก.พ. โดยเฉพาะสัปดาห์สุดท้ายเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุด นับตั้งแต่มีการใช้มาตรการ lockdown ในเดือน มี.ค.ปี 2020
และคาดว่า EBITDA ขาดทุนในไตรมาสแรกจะยังขาดทุน 135 ล้านเหรียญแต่ถือว่าน้อยลงกว่าก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขาดทุนกว่า 150 ล้านเหรียญ
สะท้อนมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจด้วยครับ เพราะนั่นหมายความว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้น และผู้บริหารยังคาดการณ์ว่าตัวเลขจะฟื้นตัวต่อในเดือนนี้
และเหตุผลที่ทำให้ราคาหุ้นของ Lyft พุ่งแรงบางช่วงบวกไป 8% เพราะคาดว่าจะพลิกกลับมีกำไรได้ในมุมของ EBITDA ในภายในปีนี้ครับ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Lyft เองก็ลดต้นทุนไปเยอะมาก
ทั้งนี้ Uber กับ Lyft ใช้กลยุทธ์ต่างกัน คือ Uber ทุ่มสุดตัวกับธุรกิจส่งอาหาร food delivery เพราะมองว่าจะช่วยชดเชยขาดทุนจาก ride sharing หรือบริการเรียกรถ
ส่วน Lyft ยังเน้นธุรกิจหลักเหมือนเดิมเพราะมั่นใจว่าธุรกิจกำลังจะฟื้นจากการเปิดเมือง และเศรษฐกิจกำลังจะฟื้น
ถ้าไปดูราคาหุ้นจะเห็นว่า Uber ขึ้นมา 60%, Lyft 50% ในช่วง 12 เดือนล่าสุด